81 จำนวนผู้เข้าชม |
ผลกระทบต่อตลาดคอนโดมิเนียมหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว: เมื่อความปลอดภัยกลายเป็นปัจจัยสำคัญ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นล่าสุดได้สร้างความตระหนักและความกังวลให้กับผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมทั่วประเทศ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคตอีกด้วย บทความนี้จะวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวงการคอนโดหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
1. ชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ
หลังจากนี้ ชื่อของผู้พัฒนาโครงการ (Developer) จะถูกนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อคอนโดมากขึ้น ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับประวัติและชื่อเสียงของบริษัทผู้พัฒนาโครงการมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะในแง่ของคุณภาพการก่อสร้างและการออกแบบโครงสร้างที่สามารถรับมือกับภัยพิบัติ
บริษัทที่มีประวัติดีในการสร้างอาคารที่แข็งแรง และสามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้โดยมีความเสียหายน้อย จะได้เปรียบในตลาดอย่างมาก ในทางตรงกันข้าม โครงการที่ได้รับความเสียหายมาก จะต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในอนาคต
2. การจัดการวิกฤติกลายเป็นจุดขาย
นอกเหนือจากคุณภาพของโครงสร้างแล้ว วิธีการที่ผู้พัฒนาโครงการและนิติบุคคลรับมือกับวิกฤติ ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้ซื้อ
โครงการที่แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ส่งทีมวิศวกรเข้าตรวจสอบทันที จัดตั้งศูนย์บัญชาการเพื่อแก้ไขปัญหา และมีการสื่อสารที่โปร่งใสกับผู้อยู่อาศัย จะได้รับความเชื่อถือมากกว่า ในทางกลับกัน โครงการที่ล่าช้าในการตอบสนอง ปฏิเสธความรับผิดชอบ หรือโยนความรับผิดชอบไปมาระหว่างฝ่ายต่างๆ จะถูกมองในแง่ลบ และอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในระยะยาว
3. ประกันภัยจะได้รับความสนใจมากขึ้น
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้ผู้ซื้อ ตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยมากขึ้น โดยจะพิจารณาว่า คอนโดมีประกันภัยครอบคลุมภัยธรรมชาติหรือไม่
โครงการที่มีการเสนอแพ็กเกจประกันภัยที่ครอบคลุมภัยธรรมชาติให้กับผู้ซื้อ อาจกลายเป็นจุดขายใหม่ที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการ
4. ความสนใจในรายละเอียดด้านวิศวกรรมเพิ่มขึ้น
ผู้ซื้อจะเริ่มให้ความสนใจในโครงสร้างทางวิศวกรรมของคอนโดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทของฐานราก มาตรฐานความปลอดภัย วัสดุที่ใช้ และประวัติของบริษัทก่อสร้าง
โครงการที่สามารถแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานด้านวิศวกรรมที่สูงกว่า โดยเฉพาะในด้านการรับมือกับแผ่นดินไหว จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
5. การเติบโตของคอนโด Low-rise และบ้านแนวราบ
ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ คอนโดความสูงไม่มาก (Low-rise) ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวน้อยกว่าอาคารสูง (High-rise)
บ้านแนวราบอาจได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากถูกมองว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว แม้ว่า คอนโดในเมืองจะยังคงมีข้อได้เปรียบเรื่องทำเลและความสะดวกในการเดินทาง
6. บทบาทของนิติบุคคลจะถูกให้ความสำคัญมากขึ้น
นิติบุคคลที่สามารถจัดการสถานการณ์ได้ดีในช่วงวิกฤติ จะได้รับความเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้อยู่อาศัย ในทางตรงกันข้าม หากนิติบุคคลไม่มีประสิทธิภาพ อาจถูกมองในแง่ลบ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารจัดการในอนาคต
7. การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อ: จากซื้อสู่เช่า
แม้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลที่สะดวกยังคงมีอยู่ แต่ผู้บริโภคบางส่วนอาจเปลี่ยนพฤติกรรมจาก "การซื้อ" เป็น "การเช่า" เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ผลที่ตามมา
8. มาตรฐานใหม่สำหรับการก่อสร้างคอนโดมิเนียม
เหตุการณ์แผ่นดินไหวอาจทำให้หน่วยงานกำกับดูแลเข้มงวดกับมาตรฐานการก่อสร้างมากขึ้น
อาจมีการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้โครงการสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ดีขึ้น แต่สิ่งนี้อาจนำไปสู่ต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้น และส่งผลให้ราคาขายคอนโดปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
9. การเปลี่ยนแปลงในการตลาดและการโฆษณา
การตลาดและการโฆษณาของโครงการคอนโดมิเนียมจะมีการเปลี่ยนแปลง โดย
สรุป
เหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ซื้อคอนโด แต่ยังทำให้ “มาตรฐานความปลอดภัย” กลายเป็นปัจจัยหลักในการเลือกที่อยู่อาศัย
คุณคิดว่าแนวโน้มนี้จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคุณหรือไม่?